ขั้นตอนการขึ้นซี่ลวด ล้อรถมอเตอร์ไซค์

1. อุปกรณ์ทั้งหมดที่ต้องใช้ก็คือ

– ซี่ลวดใหม่ (ควรเลือกซื้อซี่ลวดที่เบอร์พอดีกับชนิดของขอบล้อ) จะมีสองแบบก็คือ คอสั้น และคอยาว แยกออกจากกัน

– ขอบล้อที่ต้องการจะขึ้น

– ดุมล้อ

– น็อตล็อคซี่ลวด

2. มาเริ่มจากการ เอาซี่ลวดคอสั้นสอดเข้าจากด้านใน (ใส่รูเว้นรู) โดยใส่ทีละด้าน เพื่อป้องกันการสับสน

3. เมื่อใส่วนจนครบแล้ว ก็นำซี่ลวดคอยาวมา มาใส่จากด้านในฝั่งตรงข้าม

4. เมื่อใส่ครบแล้ว จับมาวางลง และเรียงให้เข้าที่

5. กลับด้านของซี่ลวดแถวบน เอาออกมาทางซ้ายมือ และนำซี่ลวดแถวบน (ด้านใน) สลับทิศทางกับซี่ลวดแถวบน

6. นำวงล้อมาวางไว้

7. จับซี่ลวดตัวบนที่เอียงออกมา ใส่รูด้านนอกของซี่ลวด และหมุนน็อคล็อคปิดภายในขอบล้อ

8. นับออกไปจากดุมล้อ ไป 6 รู (จับ6) และขยับวงล้อตาม จากนั้นให้เอาซี่ลวดด้านในที่นับได้ 6 รู มาสลับด้านกับซี่ลวดอันแรก จะได้ดังภาพ (รู เว้น รู)

9. จากนั้นทำเหมือนเดิมต่อไป จนครบวงล้อ

10. กลับด้านขอบล้อ และทำเหมือนกันกับข้างแรก

11. ได้ครบทุกเส้นก็มาจับดูว่ามีเส้นไหนหลวมไปหรือไม่ หลังจากนั้นขันน็อตให้ตึง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ขอบคุณ https://www.pohchae.com/2023/12/09/motorcycle-wheel-spokes/

แบตใหม่เปลี่ยนโลก? แบตกำมะถัน Li-S(ลิเธียมซัลเฟอร์) จุไฟมากขึ้น 5 เท่า

ศาสตราจารย์ Matthew Hill, ด็อกเตอร์ Mahdokht Shaibani และศาสตราจารย์ Mainak Majumber ทำการปรับปรุงแผ่นคั่นสำหรับแบตเตอรีลิเธียม-ซัลเฟอร์ ได้สำเร็จ โดยทำให้การถ่ายโอนลิเธียมไออนทำได้ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพรวมถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี

ศาสตราจารย์ Matthew Hill ระบุว่าการใช้แผ่นคั่นแบบ nanoporous interlayer ทำให้ส่งผ่านลิเธียมได้เร็วขึ้น ส่งผลให้การชาร์จและปล่อยกระแสทำได้เร็วขึ้นและแก้ปัญหาเดิมที่ทำให้แบตเตอรีชนิดนี้มีอายุสั้น โดยทำให้สารโพลีซัลไฟด์ที่เกิดจากปฏิริยาเคมีและทำให้อายุการใช้งานสั้นลง เดินทางระหว่างแอโนดและแคโทดไม่ได้..

แบตเตอรีลิเธียม-ซัลเฟอร์ มีความหนาแน่นของพลังงานมากกว่าแบตเตอรีลิเธียมไอออนราว 2-5 เท่า และการปรับปรุงนี้ อาจทำให้รอบชาร์จของแบตเตอรีนี้เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 2,000 ไซเคิลโดยประสิทธิภาพไม่ด้อยลง เทียบกับมือถือยุคปัจจุบันที่ชาร์จได้ราว 500-1,000 ไซเคิลก่อนเสื่อมสภาพ

นอกจากนี้แบตเตอรีลิเธียม-ซัลเฟอร์ ยังไม่ต้องใช้ส่วนประกอบของแร่หายากเช่นโคบอลต์ นิเคิล และแมงกานีสแบบแบตเตอรีลิเธียม-ไอออนทั่วไป ทำให้แบตเตอรีนี้ดูจะมีอนาคตในการใช้งานจริงแบบผลิตจำนวนมากในอนาคต.

ที่มา https://www.pohchae.com/2023/12/08/lithium-sulphur/

ส่ออวสานค่ายญี่ปุ่น? รถไฟฟ้าจีนBYDนำโด่ง ยอดจอง Motor Expo 2023 ค่ายจีนติด Top 10

ยอดจองรถยนต์ในแต่ละวัน ของงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40 หรือ Motor Expo 2023 ถือว่าสะท้อนการแข่งขันในธุรกิจยานยนต์ของไทย ได้อย่างน่าสนใจที่สุด ตั้งแต่ที่เคยจัดงานขึ้นมาก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่มีการแข่งขันที่สูสี ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะเท่านั้น..

แต่มันเป็นการแข่งขันระหว่าง 2 ค่ายรถยนต์จากสองชาติ ซึ่งก็คือ ญี่ปุ่น ผู้ครองตลาดในเมืองไทย มาเป็นเวลาหลายสิบปี และจีน ผู้ท้าทายคนใหม่ ที่กำลังเข้ามาสร้างการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญกว่านั้น มันคือการแย่งชิงตลาดระหว่าง 2 เทคโนโลยีขับเคลื่อน ซึ่งก็คือ รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีการฟาดฟันกันอย่างเข้มข้น ชนิดที่เราไม่เคยเห็นกันมาก่อน และเกิดขึ้นเร็วกว่าที่หลายคนจะคาดคิด ..

เนื่องจากผู้เล่นรายใหม่จากจีนส่วนใหญ่ เพิ่งเปิดตัวในตลาดเมืองไทยได้ไม่นาน การแข่งขันในการทำยอดจอง ในงาน Motor Expo 2023 ครั้งนี้ ได้แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ที่จะเกิดขึ้นกับตลาดรถยนต์ในเมืองไทย ที่จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ล่าสุด มีเรื่องเซอร์ไพรซ์ในงาน Motor Expo 2023 อีกครั้ง เมื่อ BYD สามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของงาน ในด้านยอดจองรถยนต์ ที่ 2,530 คัน แซงหน้า TOYOTA ที่ตกลงมาเป็นอันดับ 2 ซึ่งทำได้ที่ 2,245 คัน ทิ้งห่างกันถึง 285 คัน

สำหรับยอดจองใน 6 วันที่ผ่านมา โดยมี Honda ตามมาไม่ห่างมาก ที่ 1,882 คน ที่น่าสนใจก็คือ อันดับ 4 5 6 7 และ 10 ล้วนแต่เป็นค่ายรถยนต์จากจีน ทำให้ใน 10 อันดับแรก มีค่ายรถยนต์จากจีนแทรกเข้ามามากถึง 6 ราย ทำยอดจองรวม 7,754 คัน คิดเป็น 57.9% ของยอดจองรวมทั้ง 10 ค่าย ซึ่งอยู่ที่ 13,391 คัน

.. ในขณะที่ยอดจองรวมทั้งหมดทุกค่าย ใน 6 วันที่ผ่านมา อยู่ที่ 17,079 คัน ซึ่งถ้ารวมค่ายรถยนต์แบรนด์จีนอีกค่ายหนึ่ง อย่าง Wuling ซึ่งทำได้ที่ 88 คัน จะทำให้ยอดจองรถยนต์จีน รวมเป็น 7,842 คัน คิดเป็น 45.9% ของยอดจองทั้งหมด หรือเกือบครึ่งของงานเลยทีเดียว

..ข้อมูลล่าสุดนี้ มีนัยยะสำคัญที่น่าสนใจดังต่อไปนี้

..รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด จากเดิมที่มีการเติบโตที่รวดเร็วอยู่แล้ว แต่ภาพที่ออกมาล่าสุด เห็นได้ชัดเจนมากกว่าเดิม เพราะเริ่มมีตัวเลือกที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน เข้ามาจำหน่ายมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเข้ามาของ 2 ค่ายล่าสุด อย่าง GAC Aion และ Changan

ในขณะที่ผู้เล่นจากจีนรายเดิม มีความพร้อมในการแข่งขันมากขึ้น หลังจากที่ได้ปรับตัวเข้ากับตลาดเมืองไทย ในเรื่องของการส่งมอบรถยนต์ การขยายศูนย์บริการและโชว์รูม การเข้าใจพฤติกรรม และกำลังซื้อของลูกค้าในตลาด โดยเฉพาะ BYD ที่ทำยอดขายแบบโตวันโตคืน..

ยอดจองรถใหม่ครึ่งทาง ในงาน Thailand International Motor Expo 2023 ครั้งที่ 40 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-5 ธันวาคม 2565 @ Challenger Hall 1-3 เมืองทองธานี (7 วัน จากทั้งหมด 13 วัน) รวมทั้ง 22,461 คัน (งานจัดถึงวันที่ 11 ธันวาคม 2566) 

ปรากฎผลยอดจองดังนี้ 

อันดับ 1 Toyota 3,031 คัน
อันดับ 2 BYD 2,627 คัน
อันดับ 3 Honda 2,518 คัน
อันดับ 4 Aion 1,824 คัน
อันดับ 5 MG 1,577 คัน
อันดับ 6 GWM 1,544 คัน
อันดับ 7 ChangAn 1,509 คัน
อันดับ 8 Isuzu 1,186 คัน
อันดับ 9 Nissan 1,008 คัน
อันดับ 10 NETA 791 คัน
อันดับ 11 Mazda 743 คัน
อันดับ 12 Suzuki 635 คัน
อันดับ 13 Ford 618 คัน
อันดับ 14 BMW 519 คัน
อันดับ 15 Mitsubishi 467 คัน
อันดับ 16 Mercedes-Benz 455 คัน
อันดับ 17 TESLA 233 คัน
อันดับ 18 Volvo 209 คัน
อันดับ 19 Hyundai 167 คัน
อันดับ 20 KIA 149 คัน

นายขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 40” เปิดเผยว่า “ปีนี้เป็นวาระฉลอง 40 ปีของการจัดงาน และขณะนี้ได้ผ่านครึ่งทางของงานแล้ว ปรากฏว่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV) หลายแบรนด์ได้รับความสนใจจากผู้ชมอย่างมาก ส่วนประเภทรถได้รับความนิยมสูงสุด ได้แก่ รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ตามด้วยรถเก๋ง และรถกระบะ ด้านรถจักรยานยนต์มียอดจองเพิ่มขึ้นจากปีก่อนตามคาด”..

ทั้งนี้ 5 เหตุผลสำคัญที่เป็นปัจจัยหลักในกระแสการเปลี่ยนสู่การใช้รถไฟฟ้า หรือรถอีวี คือ

1. รถไฟฟ้า ดีกว่า ประหยัดกว่า ทั้งค่าน้ำมัน และค่าซ่อมบำรุง

หลายปีที่ผ่านมา ที่เราต้องทนกับสภาวะราคาน้ำมันที่ผันผวนอยู่ตลอด รวมถึงจะเอารถเข้าศูนย์แต่ละครั้ง ก็ต้องคิดหนักว่าจะโดนค่าใช้จ่ายตัวไหนบ้าง แต่สำหรับรถไฟฟ้า หรือ รถ EV แล้ว จะเหลือเพียงค่าไฟฟ้าในการชาร์จ ที่ราคาและความผันผวนต่ำกว่า พร้อมจุดชาร์จที่มีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ปั๊มน้ำมัน หรือห้างสรรพสินค้า อีกทั้งค่าซ่อมบำรุงก็ต่ำ ไม่มีเครื่องยนต์ ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ต่างจากเครื่องยนต์สันดาป ที่ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนมากมายหลายต่อหลายชิ้น ที่ต้องซ่อมต้องเปลี่ยนอย่างไม่รู้จบ

2. รถไฟฟ้า แรงบิดสูง ออกตัวเร็ว ไม่มีจังหวะหน่วง

เพราะรถไฟฟ้า หรือ รถ EV ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่สู่มอเตอร์เพื่อทำการขับเคลื่อน และสามารถทำให้มีอัตราเร่งได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะไม่มีขั้นตอนการทดเกียร์ คนที่ได้ลองขับรถ EV แล้ว มักจะติดใจและคุ้นเคย จนไม่อยากกลับไปขับรถสันดาปแบบเดิม

3. ความรู้ความเข้าใจ และสถานการณ์ของ รถไฟฟ้า ได้เปลี่ยนและพัฒนาขึ้นมากแล้ว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ในบรรดาข้อดีของรถ EV ที่สื่อหลากหลายสำนักต่างสาธยายและโน้มน้าว ย่อมต้องมีจุดบอดหรือข้อเสียแฝงอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นราคาแบตเตอรี่ที่สูงมาก / อะไหล่ที่ไม่เพียงพอและรอนาน / ปัญหาการใช้จุดชาร์จสาธารณะอย่างขาดวินัยและจิตสำนึกของผู้ใช้งานบางคน

แต่สิ่งเหล่านั้น มันเป็น “ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ ” จึงควรติดตามและ update ข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อให้คุณไม่พลาด ทุกการตัดสินใจ

4. กระแสโลกลดคาร์บอน ขับเคลื่อนสังคมยุคใหม่ มุ่งสู่สังคมรถ EV

แม้ทุกวันนี้ รถส่วนใหญ่บนถนน ยังคงเป็นรถสันดาป แต่ก็ใช่จะเป็นเช่นนั้นเสมอไป อยากให้นึกถึงวันที่ Smart phone เข้ามามีบทบาทในชีวิตเรา จนถึงวันนี้ คงไม่มีใครอยากกลับไปใช้โทรศัพท์ในรุ่นเดิมๆ ยิ่งโดยเฉพาะในสังคมยุคนี้ที่การเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับนโยบายประชาคมโลกที่ผลักดันการเข้าสู่สังคม รถ EV อย่างจริงจังและเร่งด่วน

5.การใช้งาน รถไฟฟ้า เป็นส่วนหนึ่งของการร่วมเปลี่ยนโลก

การปล่อยมลภาวะ และฝุ่นละอองขนาดเล็กจากรถพลังงานไฟฟ้า ย่อมน้อยกว่ารถที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิง แม้จะเป็นเพียงจุดเล็กๆ บนท้องถนนที่ไม่อาจเห็นผลลัพธ์แห่งการเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน แต่อย่างน้อย หากคุณเป็นคนที่เลือกรถ EV ก็สามารถยืดอกได้ว่า คุณไม่ได้มีส่วนที่ทำให้โลกใบนี้แย่ลงเพราะมลพิษจากไอเสีย

cr:https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9660000109805

All New Yamaha PG-1 เปิดตัวในไทยแล้ว!รถแนวไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์

บอดี้และตัวถังถูกออกแบบและดีไซน์ให้มีเอกลักษณ์เหนือกาลเวลา ด้วยโครงสร้างเฟรมที่โดดเด่น กะทัดรัด พร้อมลุยทุกเส้นทาง มาพร้อมกับ Upright Handle Bar แฮนด์บาร์ขนาดกว้าง และมีความสูงเหมาะกับทุกสไตล์ยามขับขี่ ลุยทุกเส้นทางกับ Block-Patterned Wide Tires ยางลาย Block หน้ากว้าง ทรงตัวดี ไม่ว่าจะทางเรียบหรือทางลุยก็ไปกันได้ทุกที่มั่นใจทุกเส้นทาง มาพร้อมกับ Upper Clamp Telescopic โช้คหน้าเทเลสโคปิคขนาดใหญ่แบบมีแผงคอบน และโช้คหลังคู่ ที่เพิ่มระยะยุบ ช่วยซับแรงกระแทก นุ่มนวลปลอดภัย และทรงตัวได้ดีทุกเส้นทาง.. High Ground Clearance ระยะสูงจากพื้นถึงเครื่องยนต์ที่ 190 มม. (19cm.)เพิ่มความมั่นใจขี่ลุยข้ามสิ่งกีดขวางได้ทุกเส้นทาง จะขี่ใกล้หรือขี่ไกลก็นั่งสบายกับ Freedom Riding Position การออกแบบที่ปรับเปลี่ยนท่าขับขี่ได้อย่างอิสระ มันส์ไปด้วยกันกับเพื่อนคู่ใจ ด้วยเบาะ Duo seat เบาะนั่งแยกส่วนหน้า-หลัง ระหว่างผู้ขับขี่กับคนซ้อน และเติมน้ำมันได้อย่างสะดวก เพียงเปิดเบาะด้านหน้า สว่างปลอดภัยกับไฟหน้า ไฟท้าย ดีไซน์สวยล้ำกาลเวลา Timeless และเรือนไมล์โค้งมน เรียบเท่ ดีไซน์เข้ากับตัวรถ.. มีให้เลือกด้วยกัน 4 สี กับนิยามในตัวตนคุณได้แก่สีฟ้า CHILL BLUE, สีน้ำตาล HUMMING BROWN, สีเหลือง VIVID YELLOW และ สีดำ COOL BLACK เปิดราคาพร้อมกันในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 40 และสามารถรับชมและเป็นเจ้าของ ALL NEW YAMAHA PG-1 ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทั่วประเทศ เครื่องยนต์ ระบบเครื่องยนต์ 4 จังหวะ กระบอกสูบในเครื่องยนต์ กระบอกสูบเดี่ยว ระบบวาล์ว SOHC จำนวนวาล์ว 2 วาล์ว ระบบระบายความร้อน ระบายความร้อนด้วยอากาศ ความจุเครื่องยนต์ 114 ซีซี กระบอกสูบ x ระยะชัก 50.0 x 57.9 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 9.3 : 1 หัวเทียน NGK / CR6HSA ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง แบบหัวฉีด ระบบจุดระเบิด TCI. ระบบคลัตช์ แบบเปียกชนิดหลายแผ่น ระบบสตาร์ท สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10-E20 ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง 5.1 ลิตร ความจุน้ำมันเครื่อง 0.80 ลิตร ระบบหล่อลื่น แบบอ่างน้ำมันเครื่อง กรองอากาศ แบบกระดาษเคลือบน้ำมัน ระบบส่งกำลังขับ 4 สปีดแบบเฟืองขบกันตลอดเวลา โครงรถ / เฟรม ชนิดของเฟรม แบบแบ็คโบน มุมคาสเตอร์ 26.5 องศา ระยะเทรล 83 มม. กว้าง x ยาว x สูง 805 x 1,980 x 1,050 มม. ความสูงจากพื้นถึงเบาะ 795 มม. ระยะห่างจากพื้นถึงเครื่อง 190 มม. ช่วงศูนย์กลางระหว่างล้อ 1,280 มม. รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 2,000 มม. น้ำหนักรวมน้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันหล่อลื่น 107 กก. ระบบกันสะเทือน ระบบกันสะเทือนหน้า เทเลสโคปิก ระบบกันสะเทือนหลัง สวิงอาร์ม (แขนยึดโช้คอัพหลัง) ระยะยุบตัวของโช้คอัพ หน้า / หลัง 130 / 109 มม. ระบบเบรก (หน้า / หลัง) เบรกหน้า ดิสก์เบรกเดี่ยว เบรกหลัง ดรัมเบรก ล้อ หน้า / หลัง ล้อซี่ลวด ขนาดวงล้อหน้า 16 x 2.15 นิ้ว ขนาดวงล้อหลัง 16 x 2.15 นิ้ว ยาง ขนาด ล้อหน้า 90 / 100-16 M / C 51P ขนาด ล้อหลัง 90 / 100-16 M / C 51P ระบบไฟฟ้า ไฟหน้า HS1, 35.0 W / 35.0 W ไฟเบรค / ไฟท้าย 21.0 W / 5.0 W แบตเตอรี่ 12 V, 3.0 Ah (10 HR) รุ่นแบตเตอรี่ PTZ4V / GTZ4V

cr: https://www.pohchae.com/2023/11/26/yamaha-pg-1/

เเนะนำการใช้งานเบื้องต้นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า Deco รุ่น Super Ace (ศูนย์ฯ LuckyEV)

หัวข้อต่างๆ ใน Video 00:00 เริ่มต้น 00:27 ตรวจสอบอุปกรณ์ที่มากับตัวรถ 00:52 วิธีเปิดเบาะ 03:32 เริ่มการใช้งานครั้งเเรก 03:40 เปิด/ปิด Breaker 04:03 การใช้งานกุญเเจรถ / Remote 06:46 วิธีการใช้งานปุ่ม/สวิตช์ควบคุมต่างๆ 09:16 เเนะนำการชับขี่เบื้องต้น 10:15 หน้าจอเเสดงผล 11:08 เเนะนำการชาร์จเเบตเตอรี่ 13:32 เเนะนำการบำรุงรักษาตัวรถเบื้องต้น 14:36 ข้อเเนะนำในการขับขี่ลุยน้ำ / ฝน 14:56 ข้อเเนะนำในการล้างรถ 15:25 ปิดท้าย / ข้อมูลการติดต่อ

รวม Yamaha DT125 mono สวยๆ (10/11/65)

รวม Yamaha DT125 mono สวย (10/11/65)

ชมรมคนรัก dt100/125ยามาฮ่า  
www.pohchae.com/2022/11/10/yamaha-dt125-mono รวม Yamaha DT125 mono สวย #Yamaha #DT125 #mono #สวย
วงจรไฟฟ้า+คลิปสอนเดินสายไฟในรถ Yamaha-DT100

ที่มา https://www.pohchae.com/2022/11/10/yamaha-dt125-mono/

ตัวอย่างเบาะปาด ทำให้ผู้ขับขี่ที่มีรูปร่างเล็ก ขับขี่ได้ง่ายขึ้น

รหัสตัวเลขที่อยู่บนแก้มยางของรถมอเตอร์ไซค์ มีกี่แบบ/แต่ละแบบบอกอะไรได้บ้าง?

ขอบคุณแหล่งที่มา https://www.pohchae.com/2023/11/22/tire-size-numeric-code/

รหัสตัวเลขขนาดยาง ที่อยู่บนแก้มยางของรถมอเตอร์ไซค์ มีกี่แบบ? แต่ละแบบบอกอะไรบ้าง?

ที่นิยมใช้งานกัน จะแบ่งเป็น 2 แบบ ดังนี้.. แบบแรก คือ บอกในมาตรานิ้ว พวกรถรุ่นเก่าหรือรถเล็กบ้านเราบางรุ่นจะใช้แบบนี้              ตัวอย่างเช่น 2.25 L17 4PR 2.25 คือความกว้างหน้ายาง 2.25นิ้ว L คือเรทความเร็วสูงสุดที่ยางรับได้ ซึ่งตัว L หมายถึง 120 กม./ชม. 17 คือ ขนาดขอบล้อ 17 นิ้ว 4PR คือ Ply Rating หมายถึง ความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้รองหน้ายาง เทียบเท่ากับความแข็งแรงของการรองด้วยชั้นผ้าใบ 4ชั้น แบบที่สอง คือ บอกเป็นมาตราเมตริก ที่ให้ข้อมูลได้ละเอียดกว่า ยางรุ่นใหม่ๆจึงนิยมบอกขนาดเป็นเมตริกกันมากกว่า             ตัวอย่างเช่น 120/70-ZR17 M/C (58W) 120 คือความกว้างหน้ายาง 120 มิลลิเมตร(12เซนต์ิเมตร) 70 คือ ความสูงแก้มยาง วัดเป็นเปอร์เซ็นต์ของความกว้างหน้ายาง ในตัวอย่างคือ 70% ของ120 นั่นคือยางมีความสูง 84 มม. Z คือ ตัวบอกว่าเป็นยางที่ใช้กับรถความเร็วสูง R คือ บอกชนิดของยาง ว่าเป็นยางเรเดียล ถ้าไม่มีตัวนี้แสดงว่าเป็นยาง Bely Bias 17 คือขนาดขอบล้อ 17นิ้ว 58 คือ เรทรับน้ำหนักสูงสุดของยาง (Load Index) เทียบเท่ากับ 236 กิโลกรัม W คือเรทความเร็วสูงสุดที่ยางรองรับได้ ซึ่งตัว W หมายถึงไม่เกิน 270 กม./ชม. ถ้ามีคำว่า M/C อยู่นั่นจะเป็นตัวบอกว่ายางเส้นนี้ออกแบบมาให้ใช้มอเตอร์ไซต์ ด้านหลังของตัวเลขบอกขนาดหรือบอกชื่อรุ่นยางอาจจะมีตัวหนังสือ F หรือ R อยู่ด้วย บางทีก็บอกกันตรงๆเลยว่า Front หรือ Rear บอกให้รู้ว่ายางเส้นนี้ใช้กับล้อหน้าหรือล้อหลัง พร้อมกับลูกศรบอกทิศทางการหมุน เวลาใส่ต้องใส่ให้ถูกทิศทางด้วย แล้วก็บอกประเภทของยางเช่นยาง Radial แบบในรูปนี้.. ดัชนีการรับน้ำหนักของยางอ่านค่าแล้วนำมาเปรียบเทียบได้กับตารางนี้ เรทการรับความเร็วสูงสุดของยาง
B —– 50 km/h —– 31 MPH C —– 60 km/h —– 37 MPH
D —– 65 km/h —– 40 MPH E —– 70 km/h —– 43 MPH
F —– 80 km/h —– 50 MPH G —– 90 km/h —– 56 MPH
J —– 100 km/h —– 62 MPH K —–110 km/h —– 68 MPH
L —– 120 km/h —– 75 MPH M —–130 km/h —– 81MPH
N —– 140 km/h —– 87 MPH P —– 150 km/h —– 93 MPH
Q —– 160 km/h —– 99 MPH R —– 170 km/h —– 106 MPH
S —– 180 km/h —– 112 MPH T —– 190 km/h —– 118 MPH
U —– 200 km/h —– 124 MPH H —– 210 km/h —– 130 MPH
V —– 240 km/h —– 150 MPH W —– 270 km/h —– 168 MPH
Y —– 300 km/h —– 186 MPH Z —– over 240 km/h —– over 150 MPH
ตัวสำคัญอีกตัวหนึ่งคือ *DOT* มองหาตัวนี้แล้วดูตัวเลขชุด 4 ตัวที่ตามหลัง นั่นจะเป็นตัวบอกวันที่ผลิตของยางเส้นนั้น ตัวเลขสองตัวแรกบอกสัปดาห์ที่เท่าไหร่ ตัวเลขสองตัวหลังบอกว่าของปีอะไร อย่างเช่น *DOT* (*1418*) นั่นคือยางเส้นนั้นผลิตในสัปดาห์ที่ 14 ของปี 2018 9y;g]-